การวัดผลจากจำนวนที่กดถูกใจ คือการวัดผลที่เห็นชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุด แต่ในทางตรงกันข้ามจำนวนถูกใจอาจจะไม่บอกว่างานนั้นมีคุณภาพ เพราะจำนวนที่กดถูกใจมันสามารถโกงได้ หรือจะเป็นการกดถูกใจที่ไม่ได้มาจากใจจริงๆแค่ช่วยกด แต่ถ้าอาจารย์เป็นคนชอบวัดผลงานที่ไม่เน้นคุณภาพของงาน การวัดผลจาดจำนวนถูกใจก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

teacher asian

3 เหตุผลที่ไม่แนะนำให้วัดผลจากจำนวนถูกใจ มีดังนี้

1. มีบริการปั๊มไลค์
เดี๋ยวนี้เขามีบริการปั๊มไลค์อยากได้เป็นหมื่นไลค์เขาก็จัดให้ได้ ดังนั้นนักเรียนคนไหนมีเงินก็จะผ่านเกณฑ์การตัดสินของอาจารย์

2. ไลค์ไม่คุณภาพ
นอกจากการปั๊มไลค์แล้ว มีอีกวิธีหนึ่งคือไปขอให้เพื่อนๆ ญาติ คนรู้จักมาช่วยกดไลค์ ดังนั้นจำนวนไลค์ที่ได้มันอาจจะไม่ได้มาจากคนที่ชอบผลงานจริงๆ

3. ไม่ยุติธรรม
จากเหตุผลข้อแรก ใครมีเงินก็ผ่านเกณฑ์ และใครเงินมากกว่าก็ก็จะได้คะแนนมากกว่าเพื่อน ยิ่งถ้าเป็นเน็ตไอดอลยิ่งแล้วใหญ่ โชว์นั่นโชว์นี่นิดหน่อยก็เรียกบอดไลค์จากเหล่าแฟนคลับได้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้คะแนนที่ได้ก็ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม

บทสรุป
เดี๋ยวนี้เวลาแบรนด์เขาจัดกิจกกรม เขาไม่วัดผลด้วยยอดไลค์กันแล้ว เพราะด้วยเหตุผลที่บอกว่ามันทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมกับสมาชิก แม้แต่ระบบ Facebook เองก็ได้มีการปรับอัตรากข้าถึงโพสของแฟนเพจลดลงมาเหลือแค่ 1% จากยอดกดไลค์ของเพจ แต่ถ้าเพจไหนมีคุณภาพคนจะเข้าดูเองและทำให้อัตราการเข้าชมจะมีมากกว่า 1%

ดังนั้นผมขอแนะนำให้คิดวิธีวัดผลใหม่ๆ ที่ไม่ได้เน้นปริมาณ แต่เป็นในลักษณะของการทำให้นักเรียนผลิตผลงานที่มีคุณภาพออกมา ด้วยการตั้งเกณฑ์ต่างๆว่างานจะต้องมีอะไรบ้าง เหมือนการวัดผลสอบทั่วไป

บทความก่อนหน้านี้แอดเป็นเพื่อนบนเฟสกันตั้งแต่เมื่อไหร่ หาคำตอบได้ที่นี่
บทความถัดไป7 สิ่ง ที่จะทำให้มีผู้ติดตามจำนวนมากบน Facebook
เป้าหมายการทำเว็บของผมคือ คนไทยต้องเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย จะแก้ปัญหาไอทีต้องมีทางออก เว็บมหาลัยฯจึงก่อกำเนิดขึ้น